เมื่อเจ้าฟ้าหญิงมณิสรา แห่งแคว้นทานตะ ต้องถูกส่งตัวกลับเพื่อไปอภิเสกกับเจ้าหลวงรังสิมันต์ แห่งแคว้นกาสิก และในการอภิเษกครั้งนี้เป็นไปตามข้อตกลงทางการเมืองมิใช่ความรัก ทำให้เจ้าฟ้าหญิงมนิสราหลบหนีขบวน และเจ้าฟ้าชายทยุติธรบวรรังสี มกุฎราชกุมารแห่งพันธุรัฐ เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ และนั้นเป็นเหตุให้เกิดข้อพิพาทระหว่างแคว้น เมื่อมณิสราได้พบกับทยุติธร ก็ได้สารภาพว่าเธอคือเจ้าหญิงมณิสรา ที่หนีขบวนเสด็จมา เพราะว่าไม่ต้องการที่จะอภิเษกกับชายที่ตนไม่ได้รัก เจ้าฟ้าหญิงทรรศิกา เมื่อทรงทราบข่าวเรื่องการหายตัวไปของเจ้าหญิงทานตะในเขตพันธุรัฐก็กังวลว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นชนวนทำให้สถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศบานปลายและนำมาซึ่งสงคราม
เกรงว่าพี่ชายจะเกี่ยวข้องหรือไม่ จึงรีบเสด็จออกไปตามระหว่างทางสีนิลม้าทรงตัวโปรดของเจ้าหญิงพยศเกือบพลัดตกหน้าผาแต่มีชายชุดดำมาช่วยฉุดพระองค์ขึ้นมาแล้วชายผู้นั้นก็หายไป เหล่าเสนาบดีที่ตามเสด็จคิดว่าเป็นคนภูเขาธรรมดาแต่ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ และหลงทางอยู่ในป่าจนได้มาเจอนายพรานนั่งก่อไฟต้มชาอยู่เจ้าหญิงทรงขอความช่วยเหลือเพราะอากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นทุกทียามค่ำคืนแต่ปรากฏว่าถูกวางยาสลบในน้ำชาและทรงถูกลักพาตัวไป
เมื่อเจ้าหญิงทรรศิกาทรงฟื้นขึ้นในกระโจมประทับแรมของขบวนโจรชุดดำได้พบกับกระวานสาวชาวป่าพันธุรัฐที่เก็บสมุนไพรอยู่บริเวณชายแดนที่มีคนจ้างมาเป็นนางกำนัลดูแลเจ้าหญิงคิดอุบายสลับเสื้อผ้ากับกระวานปลอมตัวเป็นสาวชาวบ้านออกไปหาสีนิลที่ถูกพวกโจรจับได้และยึดไว้ เพื่อขี่กลับพันธุรัฐ แต่ชายหัวหน้าโจรรู้ทันเจ้าหญิงรีบขี่ม้าหนีแต่ไม่พ้นหัวหน้าโจรขี่ม้าตามมาจับพระองค์ขึ้นมาในอ้อมกอด เจ้าฟ้าหญิงทรรศิการ้องขอชีวิตโดยจะยกสร้อยทับทิมที่พระบิดาพระราชทานมาจนหัวหน้าโจรประกาศว่าตนคือเจ้าหลวงรังสิมันต์และเป็นคนเดียวกับที่วางยาสลบพระองคค์เจ้าหญิงเห็นแหวนที่เจ้าหลวงทรงสวมก็หมดคำถาม