รายละเอียด : | นักแสดง : สมบัติ เมทะนี - พิศมัย วิไลศักดิ์ - เมตตา รุ่งรัตน์
เนื้อเรื่องย่อ (Synopsis) :
เรื่องราว ได้เปิดฉากขึ้นที่หมู่บ้าน โขมงหัก อันเป็นที่มาของนิยายชีวิตพิสดารเรื่องนี้ ขณะนั้นผู้คนอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ได้รับการรบกวนรังควานจากผีกระสือคนหนึ่ง ในที่สุดพวกชาวบ้านก็พร้อมใจกันลงมือปราบปราม คืนวันหนึ่งผีกระสือคนนั้นออกหากินตามปรกติ พวกชาวบ้านซึ่งซุ่มซ่อนคอยทีอยู่พอเเลเห็นผีกระสือก็พากันกรูเกรียวออกไล่ฆ่าฟัน ผีกระสือพลาดพลั้ง เสียทีถูกฟันด้วยมีดดาบเเละถูกจี้ด้วยคบไฟที่หน้าเป็นแผลฉกรรจ์ ถึงเเม้ได้รับบาดเจ็บสาหัสแทบว่าจะวายวาง แต่ก็ยังกระเสือกกระสนกลับไปเข้าร่างที่บ้านจนได้ การจึงปรากฏว่าผีกระสือคนนั้น...คือหญิงชราผู้มีชื่อว่า... ฉิม! (สุลาลีวัลย์ สุวรรณทัต)
เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ได้ปลุกให้บัวคลี่ (พิศมัย วิไลศักดิ์) หลานสาวของยายฉิมตื่นขึ้นมา เมื่อหญิงสาวเปิดประตูห้องเข้ามาเห็นสภาพของยาย มีบาดแผลเหวอะหวะน่ากลัว บัวคลี่ก็ตกใจเเละซักถามเรื่องราว ยายฉิมโกหกหลานสาวว่า มีคนลอบเข้ามาทำร้าย แล้วตัดบทไม่ให้ซักถามอะไรต่อไปอีก โดยบอกว่าเวลามีน้อยพร้อมกันนั้น ยายฉิมก็มอบเเหวนทองหัวพลอยสีแดงสุกใสให้บัวคลี่ และบอกเป็นคำสั่งให้สวมแหวนติดนิ้วตลอดไป เมื่อบัวคลี่รับคำยายฉิมก็สิ้นใจไปอย่างสงบ
สร้างความวิปโยคโศกศัลย์ให้แก่บัวคลี่เป็นอย่างยิ่ง โดยหารู้ไม่ว่าแหวนสมบัติอันมีค่าสิ่งเดียวของยายวงนี้นี่แหละ ที่จะทำให้บัวคลี่ต้องพบกับชะตากรรมอย่างน่าสงสาร วันรุ่งขึ้น หนุ่ม บุญเมือง (สมบัติ เมทะนี) คนรักของบัวคลี่ ได้ชวน จู๊ด (ชุมพร เทพพิทักษ์) เพื่อนสนิทมาหาบัวคลี่แต่เช้าตรู่ ทั้งนี้ บุญเมือง บอกกับเพื่อนรักว่าเป็นเพราะเมื่อคืนฝันไม่ดี แต่จู๊ดไม่ยอมเชื่อ ลงความเห็นว่า ที่บุญเมืองฉุดเขามาจากเสื่อที่นอนในอากาศที่เย็นสบายอย่างนี้ เป็นเพราะบุญเมืองมีความรักคิดถึงบัวคลี่มากนั่นเอง
เนื่องจากว่าบุญเมืองกับเขาไปธุระที่หมู่บ้านอื่นเสียหลายวัน ทั้งสองสหายผู้มีความรักกันอย่างเพื่อนตายได้มาถึงบ้านบัวคลี่ บุญเมืองแปลกใจที่เห็นบ้านเงียบเชียบผิดปรกติ ด้วยความคุ้นเคยจึงถือวิสาสะขึ้นบันไดบ้านไป เขาตรงไปที่ห้องนอนคนรักเเต่พบว่าไม่มีใครอยู่เลย ร้องเรียกก็ไม่มีใครขาน จึงก้าวปราดๆ มาที่ห้องนอนของยายคนรัก โดยมีจู๊ดตามมาติดๆ แล้วที่นี่เองบุญเมือง ก็พบภาพบัวคลี่นอนฟุบอยู่บนร่างของยายฉิม ด้วยเสียงเรียกอีกครั้ง บัวคลี่ได้ตื่นขึ้นมา ทันทีที่เห็นหน้าคนรัก หญิงสาวก็โผเข้าสู่อ้อมเเขนบุญเมือง พร้อมกับร่ำไห้บอกว่ายายตายเสียเเล้ว และกำชับไว้ก่อนสิ้นใจว่า ให้เก็บศพไว้อย่าได้เผาจี่ตามประเพณีเป็นอันขาด ทั้งไม่ให้ไปบอกกล่าวใครรู้ด้วย ซึ่งหล่อนจะต้องทำตามอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการสนองพระคุณของยายที่ ได้อุ้มชูชุบเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อย
วันวิปโยคได้ผ่านพ้นไปจนถึงเย็นวันหนึ่ง บัวคลี่ได้มาจุดธูปเคารพศพยายฉิม ซึ่งเก็บไว้ในโรงนาข้างบ้านที่นี่เอง ฉัตร (แมน ธีระพล) หนุ่มนักเลงหัวไม้ของหมู่บ้านโขมงหัก ซึ่งติดเนื้อต้องใจในบัวคลี่มานานแล้ว ได้เข้ามาพบจึงรู้ว่า ยายของบัวคลี่ตายเสียแล้ว ฉัตรเห็นเป็นโอกาสเหมาะ บัวคลี่อยู่ลำพังคนเดียว จึงเข้าลวนลามปลุกปล้ำจะเอาบัวคลี่เป็นเมีย เคราะห์ดีบุญเมืองกับจู๊ดมาช่วยไว้ทันการ ด้วยความรักความสงสาร บุญเมืองบอกบัวคลี่ว่า เขาจะขอคุ้มครองปกป้องบัวคลี่ไปจนชั่วชีวิต บัวคลี่ก็ตกลงปลงใจ เพราะหญิงสาวก็รักบุญเมืองมิได้ยิ่งหย่อนกว่ากัน
บุญเมืองกับบัวคลี่ ครองรักครองเรือนกันอย่างมีความสุข โดยมีจู๊ดย้ายเข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันด้วย เเต่แล้ว เหตุการณ์ที่จะทำให้ชีวิตของบัวคลี่ ต้องพบ กับวิบากกรรมก็มาถึง ในคืนวันหนึ่งดึกสงัดแล้ว บัวคลี่ซึ่งนอนหลับอยู่ข้างบุญเมือง มีอาการเหมือนฝันร้าย พลิกกายกระสับกระส่ายไปมา และแล้วเหมือนปาฏิหาริย์ ที่หัวแหวนพลอยอันสุกใสวงนั้น ได้ปรากฏภาพหน้ายายฉิมเรียกร้องสะกดหลานสาวออกไปหากินเยี่ยงกระสือ " ไปซี่บัวคลี่...เอ็งต้องไป...ออกไปหากินเดี๋ยวนี้ "
ด้วยอำนาจปีศาจยายฉิม บัวคลี่สาวสวยเมียรักของบุญเมือง ก็กลายเป็นกระสือออกจากร่างไปทางหน้าต่าง อ้า...บัวคลี่ผู้น่าสงสาร ขณะนี้หญิงสาวได้กลับกลายเป็นผีกระสือสาว โดยการสิงสู่ของปีศาจยายฉิมไปเสียเเล้ว ! ศีรษะของบัวคลี่ที่มีแต่ไส้ ได้ล่องลอยไปไกลทุกทีๆ ในที่สุดก็มาถึงหมู่บ้านหลังหนึ่ง ที่นี่เมียของชาวนาหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้าน เพิ่งคลอดลูกได้ไม่กี่วัน หม้อใส่รกยังคงวางอยู่ปลายกระดานไฟ เด็กอ่อนนอนอยู่ในกระโจม โดยมีชายผู้เป็นสามี นอนเฝ้าเมียอยู่หน้ากระดานไฟ
กระสือบัวคลี่นัยน์ตาวาวอย่างหิวกระหาย เเละที่สนใจอย่างยิ่งก็คือรกเด็กในหม้อดินใบนั้น กระสือบัวคลี่ลอยเข้าไปในบ้าน ตรงรี่เข้าไปหมายจะกินรกในหม้อให้สาสมกับความหิวโหย แต่ทว่ายังไม่ทันไร หญิงเเม่ลูกอ่อนตื่นขึ้นมาพบเสียก่อน หล่อนหวีดร้องสุดเสียง ปลุกผัวให้ตื่นขึ้นมา พอเห็นภาพตรงหม้อรกเท่านั้น ชายผู้เป็นสามีก็ถลันเข้าคว้าหอกพุ่งเข้าใส่หมายศีรษะกระสือบัวคลี่ทันที ฉึกก์ก์ก์ ! แน่นอนเหลือเกิน ถ้าหากกระสือบัวคลี่ไม่ลอยหลบไปเสียก่อนแล้ว ชีวิตจะต้องจบสิ้นลงด้วยคมหอกเล่มนั้น
|