ท้าวจตุรพักตร์ พญายักษ์ผู้ครองเมืองกลางหาว ได้บังอาจเหิมเกริมบุกแดนสวรรค์ ทำลายวิมานของเหล่าเทวดานางฟ้าจนได้รับความเดือดร้อนไปทั่ว พระสยมภูวญาณผู้เป็นใหญ่จึงได้ส่งให้เทพบุตรตนหนึ่ง พร้อมด้วยจักรแก้วจุติลงไปยังโลกมนุษย์เพื่อปราบท้าวจตุรพักตร์และวงศ์วานยักษ์ให้สิ้นไป นอกจากนี้ ยังได้ส่งให้เทพบุตรจำนวนหนึ่ง จุติตามลงไปเพื่อเป็นทหารเอกช่วยทำศึกกับท้าวจตุรพักตร์ด้วย
เทพบุตรและจักรแก้วจุติลงมาเป็นโอรสของกษัตริย์เมืองหนึ่ง เทพบุตรจุติลงมาเป็นโอรสองค์พี่ ได้นามว่า เทพศิลป์ ส่วนจักรแก้วจุติลงมาเป็นโอรสองค์น้อง นามว่า อินทรจักร เมื่อเทพศิลป์และอินทรจักรเจริญวัย พระบิดาก็ได้ส่งไปร่ำเรียนวิชากับพระฤๅษีที่ในป่าลึก และพระฤๅษีได้ทำพิธีขออาวุธจากพระสยมภูวญาณให้แก่สองกุมาร โดยเทพศิลป์ได้ธนูเป็นอาวุธ ส่วนอินทรจักรได้จักรแก้วเป็นอาวุธ ทั้งสองพี่น้องร่ำเรียนวิชากับพระฤๅษีจนเติบโตเป็นหนุ่มก็สำเร็จวิชา
หลังจากสองพี่น้องกลับเมืองมาได้ไม่นาน พระสยมภูวญาณก็ได้ประกาศหาผู้ที่สามารถดันเขาพระสุเมรุที่ทรุดเอียงจากการโจมตีของท้าวจตุรพักตร์ให้กลับมาตั้งตรงได้ดังเดิม ซึ่งเทพศิลป์สามารถทำได้สำเร็จ พระสยมภูวญาณจึงได้เสกดอกมณฑาบนสวรรค์ให้เป็นนางงาม นามว่า เทพมณฑา ยกให้เทพศิลป์นำไปเป็นชายา
เมื่อท้าวจตุรพักตร์ได้เห็นนางเทพมณฑา ก็เกิดหลงรัก จึงดักชิงไประหว่างทาง ทำให้เทพศิลป์และอินทรจักรต้องร่วมกันทำศึกกับท้าวจตุรพักตร์เพื่อชิงนางเทพมณฑากลับคืนมา
เทพศิลป์และอินทรจักรได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าเทพบุตรที่จุติลงมาเป็นทหารเอกในการทำศึก แต่ทั้งสองไม่สามารถปราบท้าวจตุรพักตร์ และตรีพักตร์ผู้เป็นโอรสได้ เนื่องจากทั้งสองได้ถอดดวงใจไปเก็บไว้ในที่ห่างไกล ตราบจนกระทั่ง ที่ซ่อนดวงใจถูกเปิดเผย เทพศิลป์และอินทรจักรจึงสามารถทำลายดวงใจปราบท้าวจตุรพักตร์ลงได้