รายละเอียด : | เนื้อเรื่องย่อ (Synopsis) : งานรวมเรื่องสั้นที่ไม่เหมือนใครจากผู้กำกับแดนปลาดิบ มี 4 เรื่อง 4 รส โดยเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นที่ชานชลารถไฟแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ในระหว่างที่คนแปลกหน้าหลายคนยืนติดฝนอยู่ที่ชานชลา ก็มีชายลึกลับคนหนึ่งเล่าเรื่องราวเหล่านี้เพื่อฆ่าเวลา
Tales of the unusual มีจุดเชื่อมร่วมกัน นั่นคือเหตุการณ์เปิดเรื่องที่คนกลุ่มหนึ่งต้องมาติดฝนอยู่ที่สถานีรถไฟเล็กๆ โทรมๆ จนคล้ายๆ กับโรงแรมสยองในเรื่อง Psycho และด้วยความที่ต้องติดฝนอยู่ด้วยกันอีกนาน ชายหนุ่มคนหนึ่งจึงเริ่มเล่าเรื่องราวสยองขวัญเป็นการฆ่าเวลา แต่แล้วเขากลับถูกชายลึกลับใส่แว่นดำบอกว่า ที่เขาเล่ามานั้นได้ทิ้งประเด็นที่สยองที่สุดของเรื่องไป และแล้วชายลึกลับคนนี้ก็เริ่มเล่าเรื่องนี้ในแบบของเขาเอง
เรื่องแรก คือ The Snowy Night เป็นเรื่องของคนกลุ่มหนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกบนภูเขาท่ามกลางพายุหิมะพัดกระหน่ำ มีผู้รอดชีวิตมาได้ 5 คน หญิงสาวเพื่อนรักกัน 2 คน ชายหนุ่ม 1 คน ชายชราที่ภรรยาตายไปกับซากเครื่องบิน และชายวัยกลางคนที่ดูเห็นแก่ตัว 1 คน แต่หนึ่งในนั้น คือหญิงสาว 1 ใน 2 คนเดินต่อไปไม่ได้เพราะบาดแผลฉกรรจ์ที่ข้อเท้าจนเห็นถึงกระดูก ทั้งหมดตัดสินใจเดินออกไปจากซากเครื่องบินเพื่อหาที่พักหลบพายุ และเมื่อหญิงขาเจ็บกลายมาเป็นภาระของอีก 4 คน สิ่งที่พวกเขาเลือกทำกับเธอนั้น ไม่ต่างอะไรจากการฆ่าเธอทั้งเป็นเลย และแล้วผู้รอดชีวิตทั้ง 4 ก็มาพบกับกระท่อมที่มีพร้อมทั้งเตาผิง อาหาร และผ้าห่ม ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาจะรอดไปจากนรกนี้ได้ แต่แล้วพวกเขากลับพบว่า แท้จริงแล้วเป็นประตูนรกนั่นเองที่พวกเขาเพิ่งก้าวเข้ามา
เรื่องที่ 2 คือเรื่อง Samurai Cellular ซึ่งแค่ชื่อหนังก็ฮาไปแล้ว เนื้อเรื่องในตอนนี้พูดถึงซามูไร (หรือถ้าจะพูดให้ถูกคงต้องเรียกว่าเป็น โรนิน เพราะเป็นซามูไรไร้นาย ) ขี้ขลาดคนหนึ่งที่วันๆ เอาแต่ทำเรื่องอย่างว่า ไม่ได้คิดที่จะล้างแค้นให้เจ้านายตามกฎของซามูไรเลยแม้แต่น้อย แต่แล้ววันหนึ่ง ซามูไรหื่นคนนี้ได้พบกับวัตถุอย่างหนึ่งที่ส่งเสียงได้ แถมยังมีเสียงคนพูดผ่านออกมาอีกต่างหาก(ซึ่งคนสมัยเราเรียกว่า "โทรศัพท์มือถือ") และจากที่ได้คุยกันผ่านวัตถุประหลาดนี้ ซามูไรหื่นได้พบความจริงว่า เสียงที่ได้ยินนั้นมาจากอนาคตอีก 300 ปี ข้างหน้า และแท้จริงแล้วตัวเขาเองยังเป็นคนสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นทีเดียว และเรื่องก็โอละพ่อสร้างความฮาในระดับตกเก้าอี้เมื่อเขาพูดจาอวดตัวกับคนจากโทรศัพท์ แต่กลับเป็นการสร้างความฮึกเหิมเป็นแรงบันดาลใจให้ลูกน้องอย่างมโหฬาร จนเขาต้องนำกำลังไปล้างแค้นให้เจ้านายอย่างเสียไม่ได้ และแม้หนังจะเริ่มด้วยความฮา แต่บทสรุปส่งท้ายของซามูไรคนนี้กลับสร้างความฮึกเหิม ซาบซึ้งใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งหนังยังตบท้ายมุขเฉลยถึงที่มาของเจ้าโทรศัพท์เครื่องนั้นได้อย่าง "มีเฮ" และอีกครั้งที่คุณจะต้องหลุดปากออกมาว่า "คิดได้ยังไงเนี่ย?"
ผ่านมาถึงเรื่องที่ 3 ชื่อเรื่องว่า Chess ที่แปลว่าหมากรุกนั่นเอง เรื่องนี้เริ่มต้นด้วยภาพของความพ่ายแพ้ในเกมหมากรุกของแชมป์โลกชาวญี่ปุ่นให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ชื่อว่า Super Blue จนทำให้ชีวิตอันสุขสบายของเขาต้องสิ้นสุดลง เขากลายเป็นคนที่ตัดขาดจากคนรักรอบตัว ปล่อยตัวเองจนไม่ต่างจากขอทานข้างถนน และแล้ววันหนึ่ง เขาถูกจับตัวมาหาเศรษฐีผู้หนึ่งที่ท้าทายให้เขามาเล่นหมากรุกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ แชมป์เก่าพบว่า การที่เขาไม่ตั้งใจเล่น หรือเล่นแบบไม่ใส่ใจที่จะเสียหมากเล็กๆ เพียงเพื่อให้ชนะได้เท่านั้นส่งผลโดยตรงต่อเขาอย่างไร บทสรุปท้ายสุดที่เขาต้องเลือกระหว่างการชนะในเกมและการชนะใจตัวเองนั้น เขาก็ได้รู้ว่าคุณค่าที่ได้รับมันต่างกันอย่างเทียบไม่ได้
หนังตอนนี้เป็นตอนที่มีการนำเสนอที่หวือหวามากที่สุด ทั้งในเรื่องของการเดินเรื่องและเรื่องของภาพ โดยเฉพาะงานด้านภาพนั้น ถือว่ายอดเยี่ยม ชวนลุ้นระทึกไปกับเนื้อเรื่องที่เข้มข้นไม่แพ้กัน การเคลื่อนกล้องที่ดูเหมือนจะเป็นแบบไร้ทิศทาง(แต่เป็นไปตามที่ควรจะเป็น) และเคลื่อนไหว(แบบนิ่มๆ)เกือบตลอดเวลาช่วยให้ภาพที่ออกมาชวนระทึกมากพอดูทีเดียว
เรื่องสุดท้ายที่น่าจะเป็นเรื่องที่ "จี๊ดที่สุด" คือเรื่อง Marriage Simulation ซึ่งเป็นเรื่องของหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่บังเอิญพบกันในคืนฝนพรำ ทั้งคู่คบหากันจนตกลงจะแต่งงานกัน จึงมาที่ร้าน wedding planer และทั้งคู่ได้พบว่าที่ร้านนี้มีโปรแกรมใหม่ที่จะให้คู่หนุ่มสาวได้ลองเห็นภาพของอนาคตหลังแต่งงานที่อาจเกิดขึ้นได้ของคนทั้งคู่ ซึ่งพนักงานรับประกันว่าสิ่งที่เห็นนั้นมีโอกาสเป็นไปตามนั้นสูงมากเพราะข้อมูลที่ได้นั้นวิเคราะห์มาจาก DNA ที่ได้จากตัวอย่างเลือดของคนทั้งคู่นั่นเอง และเมื่อหนุ่มสาวคู่นี้ตกลงที่จะลองใช้โปรแกรมนี้ พวกเขากลับพบว่าชีวิตหลังแต่งงานของพวกเขานั้นไม่ได้เป็นไปอย่างที่วาดฝันไว้เลย มีแต่ความไม่เข้าใจกัน การปรับตัวเข้ากันไม่ได้ และสุดท้ายลงเอยที่ต้องหย่าร้างกัน จนเมื่อโปรแกรมจบลง ฝ่ายหญิงที่เสียใจอย่างหนักเพราะเธอเชื่อมั่นในคำพูดของฝ่ายชายที่ว่า "ไม่ว่ายังไง ชั้นจะอยู่ข้างเธอเสมอ" แต่เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ การแต่งงานที่วางไว้จึงถูกยกเลิกกลางคัน แต่แล้ววันหนึ่ง เมื่อทั้งคู่ได้รับ VDO เทปที่ต่างฝ่ายอัดไว้ให้ฝ่ายตรงข้ามได้ดูในอนาคตซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมแต่งงาน ฝ่ายหญิงกลับพบความจริงบางอย่างที่ทำให้เธอรู้ว่า ความรักนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีกำหนดเวลา ความรักไม่ใช่เรื่องที่ได้รับการวางแผนเอาไว้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น หากมันเป็นอนาคตที่เลวร้าย ความรักที่แท้จริงก็จะเปลี่ยนแปลงมันได้ เสมอ หากคนทั้งคู่เลือกที่จะ "อยู่เคียงข้างกันเสมอ"
|